Network command (ควรมีพื้นฐานมาก่อน)

บทที่ 6 Network command

แบ่งออกเป็น 2 ประเภท

  1. command prompt (windows)
  2. command line (Linux,mac)

admin ใช้ command ทำอะไร

อย่างเเรกคือใช้ในการติดตั้ง server เช่น Ubuntu server, FreeBSD  เพื่อกำหนดหรือสร้างไฟล์ service เพื่อใช้ในระบบnetwork  สำหรับ cmd windows มันคือ

Windows Command interpreter สามารถเรียกใช้โปรแกรมต่าง ๆ ผ่าน text mode ซึ่งติดมากับ os เพื่อทำการเรียกใช้งานได้เลยทันที ในกรณีต้องการรู้เฉพาะจุดในทันทีเพื้อแก้ปัญหาเบื้องต้น นอกจากใช้ monitor

เพื่อดูระบบรวมทั้งหมด

ทำไมถึงเป็นแบบนั้นเพราะจริงๆ os หลักๆก็เกิดมาจาก command มาก่อนเเล้วค่อยมี gui เพื่อใช้ทำงานได้สะดวก

คำสั่งที่เราใช้งานบ่อย

net view = ใช้ตรวจสอบ NetBIOS ของเครื่อง หรือชื่อเครื่องในโดเมน

net share = ตรวจสอบชื่อเเละdriveที่เเชร์มาให้ในระบบ network

pathping (ตามด้วยชื่อโดเมน) ex. pathping http://www.google.com จะเเสดงค่าโดยเหมือนกัน ping ไปที่โดเมน โดยจะเเสดงเลขที่ออกไปหาโดเมนที่ละ hop โดยสูงสุดอยู่ที่ 30 hop เเล้วจะสรุปว่าเราใช้เวลาไปเเล้วกี่วินาที่ในการเรียกโดเมน

netstat -n  =  คำสั่งที่ใช้ในการแสดงรายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวกับสถานะและเส้นทาง (Routing) ในการติดต่อสื่อสารระหว่างเครื่องผู้ใช้งาน (Client) กับเครื่องให้บริการแม่ข่าย (Server)

arp -a = เป็นคำสั่งที่ใช้ดู  arp table ในวงเดียวกันเพื่อค้นหา internet address กับ physical address (static, dynamic)

route print -4 = ดู route ip -4

net config workstation = แสดงค่าที่กำลังทำงานหรือการแสดงและการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าสำหรับบริการ

path = คำสั่ง path นี้ที่เก็บการเรียก service ต่างๆของ window   

บทที่ 7 resource sharing

ในองศ์กรจะมีการเชื่อมต่อของอยู่ 2 แบบ

หากองศ์กรเล็กๆจะมีการเเชร์ไฟล์หรือติดต่อกัน เราเรียกว่า ics =  internet connection sharing ส่วนองศ์กรใหญ่ๆ จะมี NAT ใช้อยู่เเล้วในการติดต่อ

การ map drive คือการนำไฟล์จากเครื่อง host มา map กลายเป็น drive เพื่อทำการเเชร์เพื่อใช้งาน

ส่วนการเเชร์ไฟล์ นั้นจะส่งกันแบบเครื่องต่อเครื่องเหมือนกันโดยต้องระบบ path เพื่อเข้าถึงข้อมูลหากเเชร์ไฟล์งานแบบง่ายๆก็ควรเลือกการใช้งานให้เหมาะสมกับองศ์กร

หรืออาจะใช้งานในส่วนของ cloud google  ก็สามารถเลือกใช้งานได้

เเล้วความเเตกต่างของทั้ง 2 อย่างคืออะไร ……

การแชร์ ก็คือ คนอื่นจะมองเห็นเครื่องเราผ่าน network neighborhood โดยมีพาร์ธเป็น \\ชื่อเครื่อง\ชื่อแชร์โฟลเดอร์
การแมบเป็นการแมบโฟลเดอร์ที่เขาแชร์หรือไดร์ฟบน server ให้เสมือนเป็นไดร์ฟหนึ่งในเครื่องเรา

ง่ายๆ ครับ
แชร์ คือ ให้ เช่น ผมต้องการให้คุณใช้ file ในเครื่องของผมผมก็แชร์
แมป คือ รับ เมื่อคุณมองเห็นไฟล์หรือที่เก็บไฟล์ที่ผมแชร์ให้คุณต้องการให้มันเป็น Drive (D:,E:,F: หรือ Z: ก็แล้วแต่) ในเครื่องของคุณๆ ก็แมปครับ

บริการ google ที่ใช้เช่น

  1. google doc
  2. google cloud storage
  3. google API เพื่อให้บริการ

บทที่ 8 internet/intranet server

ระบบ internet ให้คิดถึง public

ระบบ intranet ให้คิดถึง private ใช้ในองศ์กรภายในอย่างเดียวอาจจะมีการเรียกใช้งานผ่าน VPN

  1. Stand Alone Web
    1. Apache HTTP server
    2. Apache Tomcat
  2. Package web server
    1. AppServ
    2. WAMP
    3. MAMP

 

Owncloud  จึงถูกนำมาเรียกใช้งานเพื่อตั้งเป็น cloud ขององศ์กร เพื่อเก็บข้อมูลเป็น server ของตัวเอง

บทที่ 9 Monitor

ตราบใดที่ Admin

  1. ดูเเลระบบ
  2. จัดการะบบ
  3. policy

การตรวจสอบระบบของ Admin ตอนนี้มีเเค่ 2 วิธีหลัก

ใครใช้อะไรก็ใช้งาน op5 ก็ดีนะ

บทที่ 10 network security

ฝั่ง Server

ทำ Policy ทำการตั้งนโยบายเพื่อทำการ กำหนดมาตราการการใช้งาน internet ขององศ์กร

เราควรตั้งกฎเป็นกลางเพื่อทำให้ทุกคนเสมอภาคก็เเล้วกัน

IDS : intrusion detection system

IPS : intrusion prevention system

Firewall : กำหนด config เพื่อทำการระวัง

ฟังก์ชั่นอะไรบ้างที่รองรับ firewall

  1. IPS,IDS
  2. ACL
  3. CheckPoint Friewall

NAC = network access control

คือกการดูเเลควบคุมใช้ในการดูเเละอุปกรณ์ในชั้นของ Access layer ป้องกันการติดตั้งอุปกรณ์

ตรวจสอบค่าการทำงานในชั้น Access layer

การสเเกนหาช่องโห่ว เพื่อทำการตรวจสอบ ปัญหาของฝั่ง server เพื่อทำการตรวจสอบระบบ

อาจจะใช้โปรเเกรมเพื่อทำการตรวจสอบการติดตั้งโปรเเกรมของ user

 

ฝั่ง Client

ติดตั้งโปรเเกรมสเเกนไวรัส

ติดตั้งโดยการเปิด firewall personal

ทำการอัดเดตเพื่อทำการเพิ่มทำอุดช่องโห่ว

 

 

 

Network Management#1

Network Management คือการตรวจสอบการควบคุมและการวางแผนการใช้ทรัพยากรในเครือข่ายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถหาจุดบกพร่องของเครือข่ายได้

วัตถุประสงค์ของการจัดการเครือข่าย

1 ความพึงพอใจของผู้ใช้

2 ประสิทธิผลด้านค่าใช้จ่าย

ความพึงพอใจของผู้ใช้หลักหลักมีได้หลายอย่าง อย่างเช่นมีประสิทธิภาพและมีความสามารถในการใช้งาน สามารถเชื่อถือได้และสุดท้ายคือมีการสำรองข้อมูล

ส่วนประสิทธิผลในด้านค่าใช้จ่ายนั้นขึ้นอยู่กับ response time และผลกระทบจากผู้ใช้ในองค์กรรวมไปถึงความสามารถในการใช้งานได้

ประสิทธิผลไม่ได้จ่ายควรคำนึงถึง

  1. การวางแผนล่วงหน้า
  2. การปรับปรุงขีดความสามารถ
  3. การติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มการ
  4. ย้ายตำแหน่งอุปกรณ์

ความสำคัญของระบบบริหารจัดการเครือข่าย

การที่เราจะจัดการเครือข่ายให้สำเร็จได้นั้นขึ้นอยู่กับซอฟต์แวร์ที่เรียกว่า agent

ฐานข้อมูลสารสนเทศเรียกว่า management information base : MIB

การทำงานของอุปกรณ์ต่างๆบนระบบเครือข่ายจัดเก็บข้อมูลของตัวเองไว้ยกตัวอย่างได้แก่1.ข้อมูลชื่ออุปกรณ์ข้อมูลรหัสอุปกรณ์หมายเลข ip address บนเครือข่าย

เมื่อระบบ รับข้อมูลของพวกอุปกรณ์ที่มี agent อยู่ก็จะนำเอาข้อมูลเหล่านั้นมาแสดงผลในเชิงวิเคราะห์โดยนำข้อมูลทั้งหมดในระบบนี้ทำการส่งข้อความสอบถามไปเป็นระยะและแล้วคำตอบมาอัพเดทข้อมูลแต่หากสอบถามไปแล้ว agent ไม่สามารถตอบได้ก็จะตรวจสอบด้วยวิธีอย่างอื่นแทนเช่นอุปกรณ์นั้นมีปัญหาหรือไม่หากพบก็จะส่งข้อความแจ้งเตือนกลับไป

 

อุปกรณ์เครือข่ายที่ติดตั้งในระบบต้องอาศัยอาศัยโปรโตคอลที่ชื่อว่า snmp agent โดยทำหน้าที่รวบรวมและจัดเก็บอุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลรหัสเครื่อง ip address

โปรโตคอล snmp ต้องทำงานร่วมกับ NMS

สถาปัตยกรรมของระบบเครือข่ายมี 3 ลักษณะ

1 ระบบบริหารเครือข่ายแบบรวมศูนย์

2.ระบบเครือข่ายแบบกระจาย

3.ระบบเครือข่ายแบบผสม

 

 

ทำ Node + API Restful


วันนี้เราไม่ลองทำ api restful กัน อิๆๆ ก่อนอื่นเลยเราต้อง รู้จักการส่งค่าก่อนนะว่าส่งอย่างไง อันนี้เราจะส่งค่าจาก Front มา black นะ

เหมือนเดิม สร้าง ไฟล์ index.js เป็น Black end

var express = require('express')
var app = express()
var bodyParser = require('body-parser')

app.use(express.static('public'))
app.use(bodyParser.json())
app.use(bodyParser.urlencoded({ extended: true }))

var server = app.listen(3000 , function(){
		var host = server.address().address
		var port = server.address().port
		console.log('app listing :' , host , port)
})

จากนั้นสร้างไฟล์ โฟร์เดอร์ Public ในนั้นมี augular + html
index.html

index.html

<!doctype html>
<html ng-app="todoApp">
	<head>
		<script src="https://ajax.googleapis.com/ajax/libs/angularjs/1.5.0/angular.min.js"></script>
		<script src="app.js"></script>
	</head>
	<body ng-controller="TodoListController as todoList">
		<h2>RestFullapi</h2> <br>
		<form ng-submit = todoList.sub(input)>
			text : <input type="text" ng-model = "input">
		</form>
	</body>
</html>

อธิบายนิดหน่อย เรารับค่ามาเเล้วส่งค่าผ่านตัวแปร input เเล้วส่งไปที่ todoList.sub(input) ไปหา angular โว้ยยย
สร้างไฟล์ app.js

angular.module('todoApp', [])
  .controller('TodoListController', function($http) {
    var todoList = this

      todoList.sub = function (input) {
        var Schema = {
          word : input
        }
        GetData(Schema)
      }

      function GetData (data) {
        $http.post('/api/data', data) 
        .then(function success (response) {
          alert('Success')
          console.log(data)
        }, function error (response) {
          alert(response.data.message)
        })
      }
  })

จะเห็นว่าเรานั้นใช้ API : localhost:3000/api/data มันยังส่งไม่ได้เเน่นอนครับ เราต้องแก้ไฟล์ที่ชื่อ่วา index.js อีกครับ มันหาpath ไม่เจอนั้นเอง

var data = require('./data.route.js')
app.use('/' , data)

เพื่อให้ง่าย ผมจะเขียนแบบแยกไฟล์อะนะ อิอิ ให้สร้างไฟล์ชื่อว่า data.route.js

;(function () {
  'use strict'
  var express = require('express')
  var router = express.Router()
  var Dictory = []

  router.get('/api/data' , function (req , res ,next){
     res.send(Dictory)
  })
  router.post('/api/data', function (req, res, next) {
    console.log (req.body)
    Dictory.push(req.body)
  })
  module.exports = router
})()

เส็ดเเล้ว รันได้เลย อิอิอิอ
node index.js
localhost:3000
localhost:3000/api/data
git hub : https://github.com/infernalslam/Lecture/tree/master/Node_api-data
 

Lecture#2 : Cryptographer system

การถอดรหัสครับ ในเรื่องนี้พูดไว้แบบนั้นในเนื้อหามันเยอะจริงๆ ฮ่าๆ ต้องลองสรุปกันครับ (ภาพเน่าเกินไม่ได้ลง)

มาเริ่มกันเลย…..

การถอดรหัสข้อมูลนั้นมีคอนสับเห้ยคอนดอมดังนี้

  1. Authentication มีการเข้าถึงของข้อมูลต้องรักษาความปลอดภัย
  2. Integrity  ข้อมูลต้องมั้นคงเเละแก้ไขต้องตรวจสอบได้ครับ
  3. Confidentiality ข้อมูลนั้นจะต้องการเข้าถึงเฉพาะผู้ที่มีสิทธฺ์ครับผม

Secure Communication

  1. traffic ที่เดินทางผ่านระหว่าง site ต่างๆ นั้นต้องมีการรักษาความปลอดภัย
  2. มาตราการการป้องกันนั้นต้องมั่นใจด้วยว่าไม่สามารถเเก้ไขข้อมูลได้เเละต้องมีความปลอดภัย

การทำ Authentication

ยกตัวอย่างการ ตั้ง password ATM

การทำ Integrity

การยืนยันว่ามันถูกต้องเเละเสริมความมั่นคง

การทำ Confidentiality

ผู้มีสิทธิ์สามารถกำหนดหรือมีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูล

เราเรียกการทอดรหัสสมัยก่อนว่า THE Cipher

  1. Transposition Cipher : การสลับตำเเหน่งอักษรของต้นฉบับ
  2. Substitution Cipher : การเทียบตัวอักษร
  3. Cipher Wheel : การทอดรหัสด้วยการหมุนอักษร
  4. Stream Cipher : การเข้ารหัสต่อไปเรื่อยๆ

การกำหนดการเข้ารหัสของข้อมูลเพื่อทำให้มันปลอดภัย

การเข้ารหัสข้อมูลนั้นทำเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากมีการ Hacker ข้อมูล ถ้าหากเราโดนล้วงข้อมูลได้จะทำให้เกิดความเสียหาย

การ  Hack  ข้อมูลที่เข้ารหัสมีได้หลายวิธีเช่น

1.การทำ Brute Force Attack

การสุ่ม Random เพื่อทำการเข้ารหัสไปเรื่อยๆ จนถูกเเละสามารถเข้าไปล้วงข้อมูลได้

2.Meet – the – Middle

มีคนกลางดักฟังข้อมูลของเรานั้นเอง

มีการเข้ารหัสสามส่วนหลักจะแบ่งเป็นเเต่ละประเภท

ข้อมูลที่ดีเเม่มต้องมีความปลอดภัยทั้งหมดอยู่เเล้วครับทั้งสามประเภท

  1. Integrity : MD5 , SHA
  2. Authentication : HMAC-MD5 , HMAC-SHA-1
  3. Confidentiality :DES , 3DES , AES

การทำงานในส่วนของ Integrity โดยใช้การเข้า hash faction

h = H(x)

ส่วนหลักการของ authentication นั้นจำเป็นต้องมีคีย์ในการเข้าถึงข้อมูลนั้นๆที่ได้เข้ารหัสด้วย Algorithm นั้นๆ

เราเรียกคีย์นั้นว่า “secret key”

Hashing basic

1.ใช้เพื่อรักษาความคงสภาพของข้อมูลป้องกันข้อมูล

2. มีพื้นฐานมาจาก one way function จะเปลี่ยนรูปแบบของข้อมูลที่รับเข้ามาให้เป็นข้อมูลที่ถูกย่อยไม่ว่าข้อมูลต้นฉบับจะมีขนาดเท่าใดก็ตาม

จุดอ่อนคือไม่สามารถทนทานต่อการดักจับข้อมูลได้

Nodejs ต่อกันเลย part2

ผมจะเริ่มจากกันเเบ่งส่วนของโปรเเกมหลักๆเอาเป็นแบบนี้นะครับ

ใน folder จะเเบ่งส่วน ถ้าเป็น Front – end จะอยู่ในส่วนของโฟร์เดอร์ Public นะครับ เเยกไปเลยครับ เวลารันจะได้ไม่สับสนนะครับ

ผมจะเพิ่มโค็ดส่วนนี้เข้าไปครับ เพื่อให้มันเริ่มทำงานที่ folder

var express = require('express')
var app = express()

app.use(express.static('public'))

var server = app.listen(3000 , function(){
		var host = server.address().address
		var port = server.address().port
		console.log('app listing :' , host , port)
})

จากนั้นสร้างไฟล์ index.html เเละ app.js
index.html เท่ากับ โชว์การเเสดงผล (หน้าตา)
app.js เท่ากับ การคำนวณเราจะใช้ Angular เเทนนะย่ะจะบอกให้ (สมอง)

test ด้วยการรัน node index นะจ๊ะ
จากนั้นเขียน file index.html จากนั้น เขียนคำว่า อะไรดีล่ะ
Hello
ไปเลยดูผลนะจ๊ะ อิอิอิ
สวยงามค่ะ

ซึ่งเราจะทำ Template ไว้เลยนะครับคราวหน้ามีอะไรสนุกๆ เราจะได้เริ่มจากตรงนี้เลยครับ
https://github.com/infernalslam/Template_nodejs

สอนเขียน Node.js + express.js + api

ขั้นเเรกของการทรมาณตัวเองหลังจากที่ได้ศึกษามาอย่างงง กลับการเขียน back-end เเละ front-endเรามาลุยกันเลย

ตามเคยผมเขียนใน window 10 นะครับ อิอิ

เริ่มจากลง node.js ขอข้ามลงกันไม่มีอะไรมากนะครับ  จากนั้นผมจะสร้างไฟล์ไว้ในโฟร์เดอร์ Lecture/node_tempalet

จากนั้นใช้คำสั่งสร้างไหล์ขึ้นมาชื่อ index.js จากนั้นเราก็จะได้ไฟล์มาเพื่อทำเป็น back-end ในการใช้เรียกหน้าตาของ routing ต่างๆในการทำงาน รวมทั้ง Api ด้วยนะครับ

ในไฟล์ index ประกอบไปด้วย

<pre>
<pre>var express = require('express')
var app = express()

var server = app.listen(3000 , function(){
		var host = server.address().address
		var port = server.address().port
		console.log('app listing :' , host , port)
})

ไม่ต้องคิดไรมากครับให้ทำการวางโค้ดเเค่นี้ก่อนนะครับเพราะว่าการเขียนด้วย node.js เพียวๆจะทำให้ชิบผายได้ จากนั้นให้เราใช้ express เพื่อช่วยให้ง่ายขึ้นนะครับ ใช้คำสั่ง node index หรือ nodemon index รันนะครับ จากนั้นเราจะเพื่มการ routing ไปหน้าอื่นครับ อันนี้สำคัญนะครับ หัวใจหนักมันเลยครับ สมมุติว่าจะเข้าไปหน้า localhost:3000 อันนี้มีค่าเท่ากับหน้า root นะครับ (/)สัญลักษณ์ ให้เพิ่มคำสั่งตามนี้ไว้ต่อท้ายคำว่า var app = express ()

app.use('/', function (req, res){
res.send('hello')
})

เดี๋ยวมาต่อ callback function นะครับ อิอิ บานเเจ้

Lecture#1 (network security)

12714089_10206146300564153_2080397305_n       สรุป network security นะครับโดยจะแบ่งหลักๆเป็น 6 หัวข้อตาม mine map ครับ ขอเรียกย่อว่า ns นะครับ ย่อมาจาก network security เเต่ในบทความย่อมาอีกที

เรามาเริ่มกันเลยครับ

หัวข้อเเรกนะครับ พูดเรื่องเกี่ยวกับ (การรักษาความปลอดภัยใน concept) เค้าบอกว่าการที่เราจะรักษาความปลอดภัยอะะไรก้ตามนั้นเราจะต้องยึกหลักสิ่งนี่ไว้ครับนั้นก็คือ Measure Security นั้นเอง

    Measure Security (MS)

  1.  Prevention  ป้องกันก่อนนะ
  2.  Detection    เตือนเราก่อนนะ
  3.  Reaction      ตอบโต้ ตื่นตัว ด้วยนะโว้ย

Ns ในองค์กรก็ตามก็ต้องมีการรักษายความปลอดภัยด้วยเหมือนกันนะครับ

เค้าเลยยึดหลักพวกนี่มาทำการออกแบบใน ระบบเครือข่ายครับ

หากองค์กรนั้นอยู่ดีคืนดีเน็ตล่มขึ้นมาจะทำอย่างไรล่ะท่าน เเละมันจะส่งผลกระทบอะไรหากองค์กรนั้นเสียรายได้

ก็เลยต้องมี ns เอาไว้ป้องกันการเดิเหตุไใม่คาดฝัน ครับ

อย่างที่สอง

GOOD OF INFORMATION  (วัตถุประสงค์ของการรักษาข้อมูล)

เรามาดุกันว่าหลักๆเเล้วมันมีเพื่อ ?

Confidentially  การเข้าถึงของข้อมูล ข้อมูลลับๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

Integrity    ข้อมูลต้องมั่นคงเสมอๆๆๆๆๆๆๆๆ

Availability   ข้อมูลต้องสามารถใช้งานได้เสมอๆๆๆ

ในระบบส่วนมากจะมีการเข้าถึงข้อมูลในลักษณะนี้มากขึ้น

มารู้จัก Model เเต๊กเรียกว่า โมเดลเเห่งข้อสงสัย

” หากคำถามนั้นมีมากมายจนนับไม่ถ้วน ทำไมไม่ทำอะไรให้ง่ายด้วยวิธีนี้  “

ลูกบิดมหัศจรรย์ ที่จะตอบคำถามคุณ

         สูตรในการอ่านให้อ่านถอยหลังนะครับ (ภาพประกอบนั้นขี้เกียจอัพ) รออัพเดตครั้งต่อไป

อย่างที่สาม

คือความเสี่ยง Rick จาก The walking Dead ใครก็เดาออกว่าเสี่ยงขนาดไหน

เรื่องนี้ต้องเเตกประเด็นออกเป็นสองอย่างครับ อย่างเเรกคือ รู้จักความเสี่ยงก่อน สองคือ รู้จักวิธีรับมือ จ้า

รู้จักควมเสี่ยง

ความเสียงเกิดจากอะไรนั้น เรามีหลักการมาฝากครับ  อันเเรกเลยนะครับ

เสี่ยงระบบพัง

เสี่ยงไวรัส

เสี่ยงโน่น

เสี่ยงนี้ (ไร้สาระ)

ความเสี่ยงนั้น เกิดจากลำดับตามนี้ไปใหญ่โต

  1. เกิดจากช่องโห่ววววววววว
  2. ช่องโห่วนั้นกลายเป้นภัยคุกกกก….คามมม
  3. ก็จะชิบหายยยยย
  4. พังเลยยยยย

อย่างที่ 2 Risk Assessment นั้นการประเมินความปลอดภัย

การประเมินความเสี่ยงมีหลักประเมินดังนี้

วิเคราะห์ –> ประเมิน –> จัดการ –> มาตราการ

การจัดการประเมินนั้นสามารถทำได้ Risk Management

  1. Risk Analysis
  2. Threat
  3. Vulnerability
  4. Countermeasure

สินทรัพย์  (Asset) สิ่งที่เราต้องรักษาจากความเสี่ยงพวกนี้

Information Asset  สิ่งที่ใช้หลักๆๆ

Supporting Asset    สิ่งของเล็กน้อยๆๆ

Critical Asset           สิ่งที่โดนโจมตีเเล้วจุงเบยๆๆ ลาก่อย

ประเภทการโจมตีที่ทำให้เกิดความเสี่ยงหายนั้นมีหลายประเภทมากมาย จาาโลกไซเบอร์ เราเรียกว่า

  1. Structure attack  โจมตีแบบมืออาชีพ
  2. Unstructured attack โจมตีแบบไม่มืออาชีพ

เนื้อหานี้เป็นแบบย่อๆๆๆๆ มาก จาก 1 บทเเรก สำหรับ NS เเล้วมาต่อกันใหม่คราวหน้าครับ บานเเจ้

 

 

 

Socket.io สร้างโปรแกรมเเชท ง่ายๆๆ

mean-socket-io-integration-tutorial-socketio-logoการเขียนโค้ดของผมนั้นต้องง่ายเจ้าไว้ครับหากเกิดเวลาเรากลับมาอ่านโค้ดอีกครั้งจะได้ไม่งงจ้า
ผมจะเริ่มค่อยๆ เขียนนะครับ อิอิ

ความรู้ที่ต้องใช้คือ เราต้องเรียนรู้ back end เสียก่อนนะครับ

โดยเริ่มจากการใช้คำสั่งลง

  • npm init สร้าง packet.json มาสะก่อนครับ
  • npm install --save express@4.10.2
  • npm install --save socket.io

 

 

{ Java } มันคืออะไรกันว่ะ

                  tumblr_mcgtbf5o3z1r3zat8 โจทย์วันนี้คือการเขียน Java โดยเป็นเงื่อนไขดังนี้ครับ (อาจารย์ ขาโหดสั่งอีกล่ะ)

โจทย์คือ ?

ให้โปรเเกรมมีเมนู 1 2 3 (4หายย เเฮ่กๆๆ)

เเล้วโชว์รูปทรงเรขาคณิตขึ้นมาครับ

 

เขียนอย่างไงก็ได้โดยห้ามใช้

(condition)? true : false ;

  1.      if  (เงื่อนไข) {   คำสั่งให้ทำอะไร  }
  2.      while (เงื่อนไขที่เป็นจริงเข้ามาทำงาน) { คำสั่งให้ทำอะไร}
  3.     for (วนลูป) { คำสั่งให้ทำอะไร}

 

ชิบผายยยยยยยยยย

ผมจะเริ่มเขียนโค้ดดังนนี้ จ๊ะ เริ่มจากการเรียนรู้ ประโยคของคำสั่งนี้ก่อน

(condition)? true : false ;

java ในประโยดนี่ตรง true : false มันเป็นคำสั่ง string หรือ statement ก็ได้ดังนี้


ตัวอย่างโค้ดจ้า


package Hw1_01;
import java.util.*;
public class Hw1_01 {

	public static void main(String[] args) {
		Scanner s = new Scanner(System.in);
		System.out.println("+++Menu+++");
		System.out.println("1. Rectangle");
		System.out.println("2. Circle");
		System.out.println("3. Triangle");
		System.out.print("Enter number:");
		char ch = s.next().charAt(0);
		System.out.print(
				(ch == '1')? 
						"******\n"
					  + "*    *\n"
					  + "*    *\n"
					  + "******\n"
					  : ""
				
		);
		
		System.out.print(
				(ch == '2')? 
					    " ***\n"
					  + "*    *\n"
					  + "*    *\n"
					  + " ***\n"
					  : ""
				
		);
		System.out.print(
				(ch == '3')? 
					    "*\n"
					  + "**\n"
					  + "***\n"
					  + "****\n"
					  : ""
				
		);
	}//exit main
}//exit class

Text Editor ผู้ช่วยยามเมากาวว

วันที่ 2 ของการนำเหนอครับผม โปรเเกรมที่เราจะใช้เขียนโค้ดอันหน้าปวดหัวให้ง่ายขึ้นมาในชีวิตประจำวันนะครับ

โดยตัวผมเองเขียนโปรเเกรมได้เเค่ไม่กี่ภาษาเองอะ แย่จังเลยครับ น่าสงสารร TOT

  • Angular
  • Node.js
  • Express.js
  • Javascript
  • Java
  • C++
  • npm

ผมขอนำเสนอโปรเเกรม ทึบๆๆโป๊ะๆๆตึงๆ …. ทั้งหมดสามโปรเเกรมนะครับ

นั้นก็คือ ฮิๆๆ

– ผมเขียนโดยใช้ os Windows 7,10 เป็นหลักนะครับ เกลียด osx ย่ะ หลอกๆๆ
ไม่มีตังต่างหาก 

อันดับที่ 1 

Sublime_text_256x256x32

 

Sublime Text 3 น่านไง..จะใครล่ะ

ข้อดี นั้นมากมายเหลือเกิน ทั้งเป็น editor แบบฟรีๆ ธีมสวยๆๆมากมาย ดูดีที่สุดในสามโลก ด้วยเฉพาะ ธีม “Materialize” สุดตีนอะ ฮ่าๆๆ ถ้าใครได้ใช้รับรองฟินไปจนหายตาลายเลยล่ะ

 

 

ภาพตัวอย่างค่ะ นายท่าน Sublime Text 3

687474703a2f2f657175696e75736f63696f2e6769746875622e696f2f6d6174657269616c2d7468656d652f6173736574732f6d756c74692e6a7067

download : โหลดความบรรเทิงในการเขียนโค้คครับ

 

 

 

 

อันดับที่ 2 Babun

มันคือ cmd ชนิดใหม่ที่รวมคำสั่งของ Ubuntu + windows ได้อย่างลงตัวที่สุด เจ๋งมากเวลาลง path งานครับ

babun

Download :https://www.sorendam.com/take-control-of-your-console-in-windows-with-babun-oh-my-zsh-and-powerline-fonts/

โอเคครับพรุ่งเราจะไปเรียนกันเเล้วนะครับ พรุ่งนี้ขอเขียนโค้ดเเบบไม่ต้องใช้ if เต็มๆ มาดูกันว่ามันจะทำงานได้หรือไม่ครับ บานเเจ้